ขยายการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วย VPN

ขยายการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วย VPN

เครือข่ายส่วนตัวเสมือนหรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า VPN (Virtual Private Networks) สนับสนุนการเชื่อมต่อระบบจาก ระยะไกลได้อย่างปลอดภัย และท่านสามารถเข้าถึงเครือข่ายข้อมูลขององค์กรได้จากทุกที่ทุกเวลา


ในสภาวะการแข่งขันสำหรับความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจนั้น สำนักงานสาขา, พนักงานที่เดินทางอยู่ตลอดเวลา, เจ้าหน้าที่ที่ทำงานจากสถานที่ใดก็ได้, ตลอดจนโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กลายมาเป็นหัวใจหลัก ในการสร้างความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ ที่จะเห็นได้จากทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในขณะเดียวกันตัวสถานที่ของโรงงาน และสำนักงานนั้นได้มีบทบาทน้อยลง ดังจะเห็นได้จากข่าวสารในสื่อต่างๆ ที่ระบุว่าหลายต่อหลายบริษัทได้ปรับเปลี่ยน สำนักงานให้เป็นสำนักงานอัจฉริยะ (Intelligent Office) โดยที่พนักงานแต่ละคนไม่มีโต๊ะประจำดังเช่นในอดีต แต่จะมีโต๊ะทำงานและห้องประชุมที่แบ่งกันใช้งาน อีกทั้งยังสามารถทำงานได้จากทุกมุมของสำนักงาน โดยใช้ระบบเครือข่ายไร้สายเป็นต้น ทั้งนี้ก็เพราะว่า อินเทอร์เน็ตได้เชื่อมต่อบุคคลและกระบวนการทางธุรกิจ ในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

การเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ก่อให้เกิดประโยชน์และให้ความสะดวกสบายอย่างมาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่า จะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งผ่านข้อมูลที่เป็นความลับ ผ่านเครือข่ายสาธารณะอย่างอินเทอร์เน็ต และการยอมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางอินทราเน็ตหรือ เอ็กทราเน็ตนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก ถ้ามีมือที่สามเข้ามารบกวน หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเครือข่าย ตลอดจนอาจจะโจรกรรมข้อมูลออกไป ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว

ในอดีตการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากระยะไกลนั้น จะนึกถึงการใช้ไดอัลอัพโมเด็มที่มีอัตราการส่งข้อมูลช้า หรือไม่ก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูง อย่างเช่นเทคโนโลยีเฟรมรีเลย์ จึงทำให้หลายองค์กรตัดสินใจที่จะทิ้งโอกาส รวมทั้งประโยชน์จากการเข้าถึงและเชื่อมต่อเครือข่ายองค์กรจากระยะไกล ไม่น่าเชื่อว่าบริษัทขนาดใหญ่หลายต่อหลายบริษัท ที่พนักงานไม่สามารถรับอีเมล์ได้ เมื่อเดินทางไปยังต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ซึ่งสิ่ง เหล่านี้สามารถแก้ไขได้แล้วด้วยเทคโนโลยีด้านเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) และอยากให้ท่านผู้อ่านลองนึกภาพ และจินตนาการดูว่า ถ้าพนักงานทุกคนตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานขาย ที่เดินทางอยู่ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงข้อมูลของบริษัท และติดต่อสื่อสารผ่านทางอีเมล์ได้ในทุกที่แล้ว จะเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้ให้แก่บริษัทได้มากเพียงไร

โซลูชันด้านระบบเครือข่ายส่วนตัวเสมือนหรือ VPN นี้ได้พิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างมาก อีกทั้งยังให้ประโยชน์ในด้านความสะดวก และความปลอดภัยสำหรับองค์กร และบริษัทในการที่จะยอมให้ผู้ใช้จากระยะไกล สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายภายในของบริษัท และรับประกันความปลอดภัยในการส่งรับทั้งภาพ เสียงและข้อมูล ผ่านเครือข่ายสาธารณะได้โดยเทคโนโลยีด้าน VPN นี้ประกอบด้วยส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ทางด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งในส่วนสำนักงาน ได้แก่เราเตอร์ที่รองรับการทำงานของเครือข่ายส่วนตัวเสมือน, อุปกรณ์ VPN Concentrator, และโซลูชันด้านระบบรักษาความปลอดภัย อย่างไฟร์วอลล์ที่ทำงานร่วมกันกับซอฟท์แวร์ ที่จะต้องติดตั้งไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในทางเทคนิคอาจจะสรุปได้ว่า อุปกรณ์เครือข่ายในสำนักงานจะสร้างท่อสื่อสัญญาณ ที่มีความปลอดภัยระหว่างสองสถานที่ โดยผ่านเครือข่ายสาธารณะอย่างอินเทอร์เน็ต ทำให้การส่งและรับข้อมูลนั้น เกิดขึ้นผ่านทางท่อสื่อสัญญาณที่บุคคลภายนอกไม่สามารถที่จะเห็นข้อมูลนั้นๆ ได้

โดยทั่วไปแล้วท่อสื่อสัญญาณนี้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบรอดแบนด์ หรือสื่อสัญญาณความเร็วสูงอย่างเช่น Digital Subscriber Line (DSL) หรือเทคโนโลยีเคเบิลโมเด็มจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) เพื่อที่จะเข้าถึงระบบเครือข่ายของบริษัทจากที่ต่างๆ และยังคงรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยของเครือข่ายได้อีกด้วย โดยใช้วิธีการพิสูจน์ตน (Authenticating) และการเข้ารหัส (Encrypting) ข้อมูลที่มีการส่งระหว่างเครือข่ายสำนักงาน และผู้ใช้ที่อยู่ภายนอก ทั้งนี้บริษัทสามารถมั่นใจได้ว่า เฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานของบริษัทเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในเครือข่ายของบริษัทได้

ในเชิงธุรกิจแล้วการที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายอย่างปลอดภัย จากระยะไกลสำหรับพนักงานที่ทำงานที่บ้าน, พนักงานที่กำลังเดินทาง, และพนักงานในสำนักงานสาขาทั่วประเทศนั้น บริษัทจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายส่วนตัวเสมือนนี้ ในด้านการขยายขีดความสามารถ และรักษาระดับประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่แห่งหนตำบลใด นอกจากนี้เครือข่ายส่วนตัวเสมือนนี้ ยังได้ถูกนำมาใช้งานในการเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานสาขา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการสื่อสารข้อมูล ภาพและเสียงระหว่างกัน แม้กระทั่งยังมีการนำไปใช้งานสำหรับการต่อเชื่อมระบบเครือข่ายกับคู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ หรือที่เรียกกันว่าเครือข่ายเอ็กทราเน็ตสำหรับการทำระบบ Supply Chain Management และโซลูชันด้านเครือข่ายไร้สายในสถานที่สาธารณะต่างๆ

ประโยชน์อีกแง่หนึ่งของการนำเทคโนโลยีเครือข่ายส่วนตัวเสมือนมาใช้งานก็คือ บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายโดยการใช้บริการด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ปัจจุบันได้มีให้บริการกันอย่างแพร่หลาย แทนที่จะยังคงใช้สายวงจรเช่าที่มีค่าใช้จ่ายสูง เพียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเชื่อมต่อระหว่างสำนักงาน โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทจะสามารถที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) ถึง 54 เปอร์เซนต์ภายใน 18 เดือนสำหรับการใช้โซลูชัน VPN นี้

นอกจากนี้เทคโนโลยีเครือข่ายส่วนตัวเสมือน ยังสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตามสถานะการณ์ทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว อาทิเช่น การเพิ่มหรือลดขนาดขององค์กร และการเปิดสำนักงานสาขาใหม่ ที่สามารถเริ่มทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยผู้ใช้ จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีสื่อสารความเร็วสูง ที่ต่อเชื่อมกับเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นพื้นฐาน ในการให้บริการด้าน DSL อยู่แล้ว และจากการวิจัยได้พบว่า การใช้เทคโนโลยี VPN สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ถึง 3 ชั่วโมงต่อพนักงานต่อสัปดาห์ ซึ่งสามารถตีค่าเป็นตัวเงินที่บริษัทจะได้รับเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีใดก็ตาม การที่บริษัทจะตัดสินใจในการใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือนนั้น ต้องมีการศึกษาให้ถ้วนถี่ เช่นการใช้โซลูชันด้าน VPN นี้จะต้องติดตั้งอย่างไรในส่วนใด ของระบบเครือข่ายที่มีอยู่เดิมหรือแทนที่จะต้องลงทุนในการติดตั้งระบบเอง บริษัทอาจจะใช้บริการด้าน VPN จากผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมหรือ ISP ก็ได้ ซึ่งทั้งสองแนวทาง ต่างก็มีข้อดีและข้อด้อย โดยถ้าติดตั้งอุปกรณ์เองก็จะมีค่าใช้จ่ายในเบื้องต้น แต่ก็จะสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยตนเอง ส่วนการใช้บริการจากผู้ให้บริการ ก็จะประหยัดการลงทุนไปได้ แต่ท่านก็ไม่สามารถที่จะควบคุมระบบผ่านเครือ ข่ายด้านความปลอดภัยของผู้ให้บริการได้ ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าจะให้น้ำหนักไปในทางใด เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และความต้องการของแต่ละบริษัท