ออนไลน์เทรดดิ้ง

ออนไลน์เทรดดิ้ง คลื่นลูกใหม่ที่มาแรงในปีนี้

แม้จะมีการชลอตัวของตลาดหุ้นแต่การลงทุนแบบออนไลน์ยังคงก้าวต่อไป

มีการคาดการณ์ว่าออนไลน์เทรดดิ้งจะเติบโตขึ้นถึง 5.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2005 หรืออีกสามปีข้างหน้า ความสะดวกในการซื้อหรือขาย ถึงเป็นปัจจัยสำคัญของผู้ลงทุนในการใช้บริการการเงินออนไลน์ และ 55 เปอร์เซนต์ ของผู้ใช้บริการให้เหตุผลว่าต้องการค้นหาข้อมูล และบริการด้านการเงินจากแหล่งเดียว เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว และ อีก 43 เปอร์เซนต์ของผู้ลงทุน ที่ยังไม่ได้ใช้บริการด้านออนไลน์เทรดดิ้ง ก็ให้ความสนใจที่จะใช้บริการในการค้นหาข้อมูลด้านการเงิน และบริการด้านการลงทุนจากแหล่งเดียว สำหรับบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินก็ได้เสนอการ ให้บริการแบบออนไลน์ในราคาถูกแก่ลูกค้า พร้อมทั้งการบริการที่หลากหลายรูปแบบ

ตลาดของการลงทุนแบบออนไลน์ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่แพ้กระแสด้านอีคอมเมิร์สโดยมีมูลค่าการลงทุน และการซื้อขายแบบออนไลน์มากถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2000 และประมาณว่าจะถึง 2.5 ล้านล้านเหรียญในปี 2002 นี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ นับเป็นโจทย์ที่สำคัญสำหรับบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินทั้งหลาย ที่ต้องนำมาวาง แผน และปรับตัวเองให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และที่สำคัญที่สุดคือนักลงทุนกลุ่มใดที่เป็นผู้ทำสถิติการลงทุน แบบออนไลน์นี้ พวกเขาต้องการบริการรูปแบบใดในการลงทุนแบบออนไลน์ และอะไรคือแนวโน้มของตลาดในการ ทำออนไลน์เทรดดิ้ง

นักวิเคราะห์ด้านการเงินได้รายงานถึงคลื่นลูกใหม่ในการดำเนินธุรกิจการเงินแบบออนไลน์นี้ โดยกล่าวว่านักลงทุน กลุ่มแรกได้เริ่มใช้บริการด้านออนไลน์เทรดดิ้งตั้งแต่ช่วงกลางปี 1999 และนักลงทุนกลุ่มนี้อยู่ในหลากหลายกลุ่มอายุ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า 48 เปอร์เซนต์ อยู่ในช่วงอายุ 39-49 ปี และอีก 40 เปอร์เซนต์ อยู่ในช่วงอายุมากกว่า 50 ปี และ เกือบทั้งหมดของนักลงทุนแบบออนไลน์เป็นสุภาพบุรุษ นอกจากนี้ยังพบอีกว่า 30 เปอร์เซนต์ เป็นเจ้าของกิจการธุรกิจขนาดย่อม และมีความรู้ด้านการเงินเป็นอย่างดีโดยมีเพียง 30 เปอร์เซนต์เท่านั้น ที่ต้องการคำแนะนำด้านการลงทุน นักลงทุนเหล่านี้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และมีงบในการลงทุนค่อนข้างสูงทีเดียว

และจากการศึกษายังได้พบอีกว่านักลงทุนกลุ่มที่สองนั้น เป็นนักลงทุนหนุ่มสาวรุ่นใหม่โดย 65 เปอร์เซนต์ อยู่ในช่วง อายุระหว่าง 30 ถึง 49 ปี นักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ค่อยมีความมั่นใจในความรู้ด้านการลงทุน และประสบการณ์ด้านการลงทุนของพวกเขามากนัก โดยพบว่า 67 เปอร์เซนต์ ให้ความสำคัญกับบริการด้านการให้คำปรึกษาการลงทุนเป็นอันดับแรก นักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ค่อยทำการซึ้อขายมากนัก และมีงบในการลงทุนค่อนข้างจำกัด

แนวโน้มของธุรกิจด้านออนไลน์เทรดดิ้งเราท่านจะได้เห็นอะไรในอนาคตอันใกล้นี้ แนวโน้มแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ การใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลหลักในการสืบค้นข้อมูลด้านการเงินและการลงทุน และจากการศึกษาเมื่อ ไม่นานมานี้พบว่า 74 เปอร์เซนต์ของนักลงทุน ใช้อินเตอร์เน็ตในการวิจัยการลงทุนของตน และอีก 68 เปอร์เซนต์ อ่านข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ด้านการเงิน

การใช้อินเตอร์เน็ตได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในกลุ่มนักลงทุนแบบออนไลน์ ที่มีรายได้ต่อปีมากกว่าหนึ่งแสนเหรียญสหรัฐ จากจำนวนของนักลงทุนกลุ่มนี้ 87 เปอร์เซนต์ สืบค้นข้อมูลด้านตลาดหุ้นจากเว็บ อีก 77 เปอร์เซนต์ หาข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ และ 68 เปอร์เซนต์ ดูรายการด้านการเงินผ่านทางทีวี นอกจากนี้ยังได้พบอีกว่า 22 เปอร์เซนต์ ของผู้ที่หาข้อมูลจากเว็บไซท์ด้านการเงิน และข่าวสารด้านการเงิน เป็นนักลงทุนแบบออนไลน์ ซึ่งนับเป็น 10 เปอร์เซนต์ ของผู้เข้าชมเว็บด้านการเงินและข่าวสารด้านการลงทุนทั้งหมด

ลองมาดูแนวโน้มด้านการเทรดดิ้งออนไลน์อีกมุมมองหนึ่ง คือการเลือกใช้บริการจากบริษัทผู้ให้บริการด้านออนไลน์ เทรดดิ้งว่านักลงทุนมีแนวคิดในการเลือกอย่างไร ระหว่างราคาค่าบริการ และความสะดวกของนักลงทุนในการทำ ธุรกรรมแบบออนไลน์ของพวกเขา จากการสำรวจนักลงทุนกว่า 3,300 รายที่ใช้บริการด้านออนไลน์เทรดดิ้งพบว่า 45 เปอร์เซนต์ ตอบด้วยเสียงเดียวกันว่า ค่าบริการที่ถูกเป็นสิ่งจูงใจอย่างมากสำหรับพวกเขา ในการหันมาใช้การบริการด้านการเงินแบบออนไลน์แต่มีเพียง 6 เปอร์เซนต์ ที่ใช้บริการต่อด้วยเหตุผลด้านค่าบริการที่ถูกนี้

ความสะดวกของนักลงทุนดูจะเป็นเหตุผลแรกของนักลงทุนที่ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว ด้วยข้อมูลที่พบว่า 55 เปอร์เซนต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้ให้ความสนใจในการสมัครใช้บริการต่างๆ ด้านการเงินและการลงทุนจากแหล่งข้อมูลออนไลน์แหล่งเดียว และที่สำคัญยิ่งไปกว่านี้อีกก็คือ 43 เปอร์เซนต์ของผู้ตอบแบบสอบถามผู้ไม่เคยใช้บริการด้านการเงิน แบบออนไลน์มาเลย ได้ให้ความสนใจที่จะซื้อบริการข้อมูลการเงิน และการลงทุนจากเว็บไซท์เดียว นักวิเคราะห์ด้านการเงินให้คำแนะนำแก่ผู้ให้บริการว่า ควรเสนอรูปแบบการให้บริการทั้งสองแนวทาง เพื่อความเชื่อถือจากนักลงทุน และผลกำไรจากการให้บริการนี้ กล่าวคือเสนอค่าใช้บริการที่ต่ำ เพื่อให้มีลูกค้ามาใช้บริการและให้บริการที่ลึกในข้อมูล และหลากหลายในรูปแบบการบริการ เมื่อนักลงทุนเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น