ยักษ์ไอทีลุยเอสเอ็มอี ไม่ทิ้งตลาดหลักองค์กรใหญ่ (จบ) |
![]() |
![]()
เนื่องจากประสบการณ์ทางการตลาดช่วงที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไป และภาคเอสเอ็มอี ก็ยังสามารถสร้างอัตราเติบโตต่อเนื่องมาตลอด อัดฉีดพันธมิตรหนุนทักษะเฉพาะด้าน นางสาวซุก ฮุน เชีย ผู้อำนวยการ โซลูชั่นขนาดเล็กและตลาดระดับกลางและพาร์ทเนอร์ บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีงบประมาณใหม่ที่เริ่มเดือนก.ค.นี้ บริษัทจะเพิ่มกำลังคนและจัดสรรงบส่งเสริมการขาย ให้พันธมิตรที่ชำนาญเจาะตลาดเอสเอ็มอีที่มีอยู่กว่า 1-2 พันบริษัทให้มากขึ้น หลังประสบความสำเร็จขยายตลาดนี้เติบโตขึ้นกว่าเลขสองหลัก ทั้งนี้ บริษัทแม่ปรับรูปแบบการสนับสนุนพันธมิตรแต่ละกลุ่มประเภทในเชิงลึก เพื่อยกระดับทักษะการเป็นที่ปรึกษา และความชำนาญเทคนิคเฉพาะด้าน เช่น ระบบความปลอดภัย ระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย ระบบธุรกิจอัจฉริยะ (บิซิเนส อินเทลลิเจนท์) จากระบบเดิมที่สนับสนุนพันธมิตรเชิงกว้าง ปัจจุบัน มีทีมงานกว่า 40 คน ที่ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเปิดตลาดเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นบริษัทที่มีจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่ำกว่า 500 เครื่อง โดยโซลูชั่นที่ได้รับความสนใจจากเอสเอ็มอี ได้แก่ เครื่องมือช่วยสร้างโปรดักติวิตี้ของพนักงาน ระบบช่วยสื่อสารและการทำงานร่วมกัน ที่รองรับการทำงานจากภายนอกองค์กร นายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันส่งผลกระทบต่อทุกส่วนในอุตสาหกรรม แต่ภาคธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป ซึ่งไอทีก็เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ผลักดันความสำเร็จให้แก่ธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทเข้ามาเปิดตลาด ซึ่งถือเป็นผู้ค้ารายแรกที่เข้าสู่ตลาดเอสเอ็มอี (คอมเมอร์เชียล) รายแรกในไทย มีลูกค้าอย่างบุญถาวร โซนี่ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) โดยพัฒนา Oracle Business Accelerators พร้อมทำตลาดร่วมพันธมิตรที่ช่วยให้ลูกค้าจัดหาง่ายและติดตั้งระบบในเวลาที่คาดการณ์ได้แม่นยำ ทั้งลดเวลาติดตั้งทดสอบระบบเพื่อลดความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจในการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ รวมถึงโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทางที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เอสเอ็มอีส่งสัญญาณฟื้นลงทุนไอที นายภัทร ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอพี ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทวางนโยบายขยายลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอี ในธุรกิจที่มีรายได้รวมราว 5 พันล้านบาทต่อปี จากที่ผ่านมาบริษัทมุ่งองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าปี 2552 จะมีการใช้จ่ายไอทีเพิ่มในตลาดรวม 8 หมื่นล้านบาท จากเดิม 6.73 หมื่นล้านบาท โดยใช้การปรับระบบจากขนาดใหญ่ที่เคยต้องติดตั้งเต็มระบบ เหลือเพียงส่วนที่เหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดเล็ก โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอี จาก 20-25% ของรายได้เป็น 50% ภายในปี 2553 นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหลักของบริษัทก็ยังคงเป็นลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ที่ยังมีแนวโน้มลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น สถาบันการเงิน โรงงาน และภาครัฐ ซึ่งยังจำเป็นต้องใช้เครื่องพิมพ์แบบดอต แมทริกซ์ สำหรับการพิมพ์ใบเสร็จ และเอกสารในสำนักงาน โดยปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดแล้วถึง 80% หากช่วงครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนรุกตลาดกลุ่มองค์กรขนาดกลาง-เล็ก (เอสเอ็มอี) มากขึ้น ซึ่งบริษัทเริ่มเห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดดังกล่าว หลัง 2 ปีที่ผ่านมาได้ชะลอการใช้จ่ายด้านไอทีไป กลยุทธ์ขยายตลาดใหม่ จะอาศัยฐานลูกค้าจากกลุ่มผู้ใช้เครื่องดอต เเมทริกซ์เดิม โดยจะเริ่มแนะนำเครื่องพิมพ์เทคโนโลยีใหม่ ทั้งกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ซึ่งปรับราคาลงมาแล้วราว 20% รวมถึงกลุ่มสินค้าใหม่ เช่น พาสบุ๊ค พรินเตอร์ และบิซิเนส สแกนเนอร์ ที่ยังมีคู่แข่งไม่มากนัก รวมถึงการเน้นกิจกรรมทางการตลาดเข้าถึงเป้าหมายเฉพาะ และการรุกโปรโมชั่นตามโมเดิร์น เทรด ซึ่งบริษัทมีผลสำรวจพบว่า เป็นช่องทางที่กลุ่มเอสเอ็มอี และผู้ใช้ทั่วไปนิยมซื้อเครื่องพิมพ์จากแหล่งดังกล่าว อุปกรณ์เครือข่ายพุ่งรับน้ำมันแพง นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ บริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตลดลง ทำให้ธุรกิจกลุ่มเอสเอ็มอีสนใจลงทุนระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายมากขึ้น ล่าสุด บริษัทรุกเสนอชุดสื่อสารอัจฉริยะ (สมาร์ท บิซิเนส คอมมูนิเคชั่นส์ ซิสเต็มส์ หรือเอสบีซีเอส) รองรับสื่อสารเสียง วิดีโอคอลล์ การต่อเชื่อมเครือข่าย การรองรับสื่อสารไร้สาย (ไวร์เลส) เชื่อมระบบอีเมล/ซีอาร์เอ็ม และมีคุณสมบัติรองรับความปลอดภัยข้อมูล (ซิเคียวริตี้) ผ่านวีพีเอ็น รองรับผู้ใช้ 8-48 รายด้วยราคา 95,000 บาท ซึ่งอดีตหากแยกซื้ออุปกรณ์ต้องใช้งบสูงกว่านี้ 1.5 เท่า พร้อมโปรแกรมการเงินให้เช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) ผ่านบริษัทซิสโก้ แคปปิตอล ด้วยเวลา 12-24 เดือน "เป้าหมายของบริษัทคงไม่สามารถขายบริษัทเอสเอ็มอีกว่า 2 ล้านราย เราที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 25 เครื่องขึ้นไป มุ่งเป้าหลัก 11 จังหวัดที่มีมูลค่าการใช้จ่ายไอทีรวม 26.4 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก และธุรกิจบริการ" นายวัตสันกล่าว ทั้งนี้ บริษัทเห็นการชะลอกำลังซื้อเกิดขึ้นบางกลุ่มธุรกิจอย่างอุตสาหกรรมการผลิต แต่โดยภาพรวมยังเติบโตไปได้มากขึ้น เพราะตลาดนี้เพิ่งเริ่มต้นลงทุนเท่านั้น |
![]() |